Welcome back, TLUG
ผมยังจำครั้งเมื่อเป็นสมัยยังเป็นเด็กปี 2 ขึ้นปี 3 ที่พลิกผันชะตาชีวิตกลับเข้าสู่โลกของลินุกส์หลังจากจำเป็นต้องวางเพราะเรียนแทบไม่รอดมาปีกว่าๆ ตอนนั้นผมเริ่มเข้าวงการวิจัยระดับอุดมศึกษาเป็นครั้งแรก ซึ่งก็ทำให้ชีวิตผมทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ไม่คิดจะทำอะไรนอกจากวิจัย เนื่องจากวางมือไปนานพอควรตอนเริ่มเลยติดขัดบ้าง อะไรน่าสนใจผมลองหมด ลินุกส์นี่ก็ด้วยเหมือนกัน และด้วยเหตุที่ห้องวิจัยที่ผมสังกัดเน้นลินุกส์เป็นพิเศษ (ไม่ทำอะไรนอกจากลินุกส์ ตอนหลังค่อยเพิ่มอย่างอื่นเข้าไปบ้าง กลัวว่าจะไม่ครอบคลุมทั้งโลก) ทำให้อาจารย์ที่เคารพของผมเป็นหนึ่งในคนดังของวงการลินุกส์โดยไม่ต้องสงสัย และพอดีกับในช่วงนั้นท่านก็จัดงาน Thai Linux User Group หรือ TLUG ขึ้นที่ชั้น 1 ของตึกที่ห้องวิจัยสิงสถิตอยู่ ผมและเพื่อนๆ ร่วมห้องวิจัยเลยต้องสละเวลานอนอันมีค่าในวันเสาร์ต้นเดือนมาเปิดห้อง เปิดไฟ เปิดโปรเจคเตอร์ จัดน้ำ จัดขนมกันอยู่เนืองๆ ผมก็เลยได้อานิสงค์ในการรับฟังความรู้ในด้านทางฝั่งผู้ใช้งานแท้ๆ และฝึกภาษาอังกฤษไปในตัว (มีคนที่ไม่ใช่ไทยแต่ฟังพอได้ พูดได้นิดหน่อยมาฟังกันประจำนะครับ) ช่วงนั้นจำได้ว่ากระแสลินุกส์มาแรงมากจนทุกคนคิดว่าติดลมบนแน่ แต่สุดท้ายก็ไม่รอด คนที่มาก็เป็นหน้าเดิมๆ และลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากติดธุระ ผมนิยามคำว่า "ติดธุระ" ไว้ในความหมายที่แปลว่ามีธุระอื่นที่สำคัญกว่า หรือพูดง่ายๆ TLUG ไม่สำคัญมากพอนั่นเอง สุดท้าย TLUG ก็เงียบหายไป แต่ก็ยังมีคนสนใจโทรมาปรึกษาเรื่อยๆ จนวันดีคืนดีก็เหมือนกับว่ากระแสลินุกส์จะมาอีกรอบ TLUG ก็ทำท่าจะกลับมาใหม่ แต่โชคร้ายอาจารย์ผมไม่ไหวแล้วครับ งานที่ต้องรับผิดชอบชักจะเยอะ เข้าทำนองงานประจำเพียบ งานวิจัยยังมารออีกเป็นภูเขา สุดท้าย NECTEC ก็มารับไปจัด รู้สึกว่าจะจัดได้ซักปีก็เงียบหายไป
ณ วันนี้ TLUG กลับมาแล้ว และเป็นการกลับมายังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ด้วย แม้ว่าจะไม่ใช่ห้องเดิมที่มีสโลป (ห้องเดิมยกให้ภาควิชาเคมีไปเรียบร้อยแล้ว) แต่ก็กว้างกว่าเดิม ยาวกว่าเดิม ซึ่งก็น่าจะจุคนได้มากกว่าเดิมแน่นอน สาเหตุหลักที่กลับมาก็ไม่ใช่อะไรใหญ่โต แต่เนื่องจากมีแรงผลักดันจากภาครัฐให้โอเพนซอร์สภาคประชาชนมีบทบาทมากขึ้นนั่นเอง ผมมองว่าครั้งนี้รัฐบาลประสพความสำเร็จในการกระตุ้นวงการโอเพนซอร์สอย่างยิ่งยวด คนอื่นจะมองว่าไงไม่รู้นะครับ ด้วยเหตุนี้รูปแบบของ TLUG ครั้งนี้จึงเหมือนกับจะกลับไปสู่ยุคเริ่มต้นที่มีผู้ฟังมีส่วนร่วมมากๆ ผู้บรรยายก็ไม่ได้บรรยายเฉยๆ แต่จะเน้นความเป็นจริง พูดง่ายๆ ก็คือ ครั้งนี้ไม่ใช่สัมมนาทั่วไป แต่จะคล้ายกับการระดมความคิดของบุคคลในวงการโอเพนซอร์สเพื่อตัดสินใจในอนาคตของตนเอง ชื่อของงานเลยออกมาเป็น "อนาคตโอเพนซอร์สไทย"
โดยส่วนตัวผมอยากให้มีองค์กรภาคประชาชนที่ทำหน้าที่ติดต่อกับรัฐบาลและภาคเอกชน อาจจะเป็นในรูปของ "คณะกรรมการรณรงค์เพื่อโอเพนซอร์ส" หรือ ครอ. ผมไม่คิดว่ารัฐบาลต้องสนับสนุนเต็มตัวเสมอไป ในเมื่อเราอยู่กันมาได้นานขนาดนี้ ก็แปลว่าเราอยู่กันได้้ด้วยตัวเองนานมากแล้ว ไม่มีสาเหตุอะไรที่จะต้องเติบโตแบบก้าวกระโดด ผมยอมรับว่าเรายังไม่พร้อม การใช้เงินอัพฉีดอาจจะช่วยได้บ้างในระยะสั้น แต่ระยะยาวผมเห็นว่าต้องมีประชาคม เน้นว่า "ประชาคม" นะครับ ไม่จำเป็นต้องมีคณะกรรมการเสมอไป ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงเท่าๆ กัน แค่ต้องการตัวแทนออกหน้าในบางเรื่องเท่านั้น ทุกคนมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์โดยใช้ตัวเองเป็นแกน เมื่อคนเยอะอาจจำเป็นต้องมีผู้นำ แต่ผมไม่อยากเรียกว่าผู้นำ ผมคิดว่าแค่ผู้แทนก็พอแล้ว เอาไว้สำหรับเป็นตัวแทน นอกนั้นประชาคมควรจะฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน การตัดสินทุกอย่างควรได้รับการยอมรับจากทุกคนเสมอ ทุกคนควรเปิดใจยอมรับเหตุผล พูดอีกอย่างไม่ดื้อไม่รั้น ในกรณีที่ตัดสินกันไม่ได้จริงๆ ก็ถึงเวลาให้ผู้แทนของเรามาตัดสินกันละครับ อย่างไรก็ตาม ประชาคม จะเกิดและอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อทุกคนมีส่วนร่วม
ก่อนหน้าสัปดาห์ที่แล้วผมยังคิดไม่ออกว่าโอเพนซอร์สในไทยไปถึงไหนแล้ว แต่ตอนนี้ผมพอจะรู้คร่าวๆ แล้วว่าโอเพนซอร์สในไทยมีตัวตนอยู่จริง โดยเฉพาะทางฝั่งผู้ใช้ เนื่องจากคนในวงการโอเพนซอร์สส่วนใหญ่มักแนะนำให้ผู้ใช้อยู่รอดด้วยตัวเอง เจอปัญหาก็หาทางแก้เอาเอง แก้ได้ก็เอาไปบอกคนอื่นด้วย ถ้าแก้ไม่ได้ก็ค่อยไปถามคนอื่น หรือแม้กระทั่งผู้พัฒนา ผมยังสงสัยว่าคนไทยไม่ค่อยมีส่วนร่วมในโครงการโอเพนซอร์สจริงหรือ เรื่องภาษาอาจจะสำคัญ แต่ผมไม่เชื่อว่าคนที่ใช้คอมแล้วจะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ส่วนใหญ่แค่ไม่กล้าพูด (ผมด้วย) เพราะกลัวผิด (ผมไม่กลัวผิด แต่เกรงใจคนฟัง ถ้าไม่สำคัญก็ไม่อยากรบกวนคนฟังให้ต้องตั้งใจเป็นพิเศษเพื่อเข้าใจภาษาอังกฤษแบบไทยแท้ของผม)
งานนี้วางแผนไว้ว่าจะไปร่วมฟังด้วย ถ้ามีโอกาสจะเสนอความคิดบางนิดหน่อย ผมยังไม่มีประสบการณ์มากพอในประชาคมใหญ่ๆ แต่ชอบแนวคิด "คณะกรรมการรณรงค์เพื่อโอเพนซอร์ส" เรื่องเงินผมไม่คิดว่ามีปัญหาเท่าไหร่นะ ผมรักที่จะแจก ผมก็คิดว่ามีบางคนที่รักที่จะเสียสละเวลาให้กับประเทศโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
- sugree's blog
- 981 reads
Post new comment