Education Technology in Primary School Part 2

สืบเนื่องจากตอนที่แล้ว ผมก็ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรับสมัครทำนองเดียวกันในอีกหนึ่งโรงเรียน โรงเรียนที่สองนี้มีความโด่งดังไม่แพ้กันแม้แต่นิดเดียว เรียกว่าสมน้ำสมเนื้อ และยังถือเป็นโรงเรียนประเภทเดียวกันด้วย ที่ผมพยายามอธิบายเสียยืดยาวก็เพราะอยากให้ทราบว่าแต่ละโรงเรียนมีแนวทางการทำงานของตนเอง แม้ว่าจะเป็นโรงเรียนที่เหมือนกันแค่ไหน แต่วิธีทำงาน และกระบวนการเรียนการสอนที่ควบคุมด้วยกระทรวงการศึกษานั้นไม่ได้ครอบคลุมถึงชีวิตประจำวันของนักเรียนและคุณครูแต่อย่างใด หรือถ้าจะให้พูดง่ายๆ ก็คือชีวิตทั้งชีวิตของคนหนึ่งคนนั้นมีผลจากช่วงชีวิตในวัยเด็กทั้งหมด และชีวิตวัยเด็กเกือบทั้งหมดอยู่ที่โรงเรียน กลับมาบ้านก็นอน ไม่ค่อยได้ซึมซับอะไรจากพ่อแม่ผู้ปกครองซักเท่าไหร่ ผมจึงเน้นความสำคัญของโรงเรียนเป็นอย่างมาก ผมไม่ได้อยากให้เด็กเก่งด้านวิชาการ ผมแค่ต้องการให้เด็กสามารถเอาตัวรอดในสังคมปัจจุบันได้เท่านั้นเอง แค่นั้นจริงๆ ครับ เรื่องในห้องเรียนน่ะเรื่องเล็ก ใครๆ ก็สอนได้ ถ้าคิดว่าไม่พอก็ไปเรียนพิเศษ (หมายถึงมีเพื่อนในโรงเรียนยังไม่พอ) ช่วงประถมถึงมัธยมเป็นช่วงของคุณครู ถ้าผมจำไม่ผิดเคยมีใครซักคนบอกความแยกต่างระหว่าง ครู และ อาจารย์ ไว้ว่า ครูจะอบรมสั่งสอน ส่วนอาจารย์จะเน้นสอนอย่างเดียว เอาเข้าจริงก็ไม่ถูกต้องซะทั้งหมด เท่าที่ผมเข้าใจช่วงก่อนอุดมศึกษาจะเป็นการสอนแบบป้อน และตั้งแต่อุดมศึกษาขึ้นไปจะเป็นการสอนแบบแนะ บางคนที่ยังติดกับการสอนแบบมัธยมจึงต้องมีช่วงของการปรับตัวเมื่อขึ้นมหาวิทยาลัย แต่นั่นเป็นการศึกษาในระดับสูงแล้ว ประเด็นสำคัญที่สุดอยู่ที่ระบบประถมนี่แหละครับ ที่ผมพยายามชี้ก็คือการสอนแบบป้อนนั้นควรจะดำเนินถึงระดับชั้นไหนกันแน่ ที่แน่ๆ ม.6 ไม่ควรป้อนแล้ว เพื่อให้สามารถไปเรียนในมหาวิทยาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องเสียเวลาปรับตัวอีกครั้งหนึ่ง

มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ปัญหาเดิมครับการรับสมัครเข้าป.1 เป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ละโรงเรียนมีเทคนิคของตนเอง ซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ในปีที่ผ่านๆ มา โรงเรียนที่มีชื่อเสียงย่อมมีผู้ปกครองสนใจมากเป็นธรรมดา การจัดการกับผู้ปกครองจำนวนมากเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ถ้าตัดส่วนที่เป็นศิลป์ให้เหลือเพียงศาสตร์ เราก็จะสามารถสังเกตุแนวคิดของคุณครูได้มากมาย

โรงเรียนที่ผมกล่าวถึงนี้มีขั้นตอนการสมัครเริ่มตั้งแต่การซื้อใบสมัคร ซึ่งจากโรงเรียนที่ผ่านมานิดหน่อย นี่เป็นเหตุผลทางด้านการจัดลำดับครับ สาเหตุที่เริ่มตั้งแต่การซื้อก็เพราะหมายเลขของใบสมัครคือลำดับของการสมัครในตัวเอง ตรงไปตรงมา และง่ายต่อการประมาณเวลา คุณครูสามารถคาดการณ์เวลาที่ใช้สมัครของแต่ละคนโดยการประมาณ ซึ่งทำให้รู้ว่าภายใน 1 ชั่วโมงจะรับสมัครได้กี่คน เมื่อรู้อัตราเร็วนี้แล้วคุณครูจึงสามารถระบุเวลาสมัครของแต่ละคนเป็นอิสระจากกันในใบสมัครได้อย่างแม่นยำ ถ้ากลัวว่าจะพลาดก็ลดความละเอียดลงให้อยู่ในช่วง 1 ชั่วโมง แทนที่จะเป็นนาทีได้ วิธีนี้ในอีกมุมมองหนึ่งเป็นการแบ่งเวลาเป็นช่องแล้วใส่ใบสมัครเข้าไปตามหมายเลขที่ไม่ซ้ำกัน บอกตามตรง ผมประทับใจวิธีนี้มาก มันอาจจะไม่ยุติธรรม แต่มันง่ายและตรงไปตรงมา ไม่มีการแย่งกัน ทุกอย่างลงตัวไปหมด

นอกจากนี้คุณครูโรงเรียนนี้ยังมีการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในขั้นตอนการกรอกใบสมัครด้วย จริงๆ แล้วขั้นตอนที่นานที่สุดของการสมัครคือการตรวจสอบเอกสาร รองลงมาคือการกรอกข้อมูล วิธีทั่วไปที่ทำกันก็คือเก็บไว้กรอกภายหลัง ซึ่งจะต้องเสียเวลาอีกขั้นตอนหนึ่งและไม่แน่ว่าจะพิมพ์ผิด หรือไม่เช่นนั้นก็เพิ่มปริมาณคนป้อนข้อมูลเข้าไปในระบบ แต่ที่โรงเรียนนี้ทำคือการให้ผู้ปกครองกรอกข้อมูลด้วยตนเองล่วงหน้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต นี่เป็นการกระจายงานออกไปสู่ภายนอกและช่วยลดเวลาในการป้อนระหว่างการสมัครได้ค่อนข้างมาก ในขั้นตอนการสมัครจึงไม่ต้องป้อนทั้งหมด แค่ตรวจสอบความถูกต้องเท่านั้นก็พอแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นการยืนยันความถูกต้องของข้อมูลได้อีกทางหนึ่งด้วย

อย่างไรก็ตามวิธีของโรงเรียนนี้ยังมีความสับสนอีกเล็กน้อย เนื่องจากในใบสมัครมีเลขที่ใบสมัครซึ่งใช้เป็นลำดับของการเข้าสมัคร และยังมีเลขลำดับของการป้อนของมูลทางอินเทอร์เน็ต เลขทั้งสองชุดนี้มีลักษณะเหมือนกัน และอยู่ในช่วงเดียวกัน ทำให้ผู้ปกครองเกิดความสับสน และทำให้เกิดความผิดพลาดในการเข้าไปยื่นใบสมัครเนื่องจากใช้เลขผิดชุด ทำให้ต้องมีคุณครูคอยตรวจสอบก่อนส่งเข้าสูงกระบวนการยื่นหนึ่งคน

โดยรวมแล้วนับว่าเรียบร้อยดีในระดับที่น่าประทับใจมาก

โรงเรียนอ

โรงเรียนอะไรครับเนี้ย.. การนำปัญหาที่ผ่านมาในครั้งก่อนมาสร้างระบบแก้ปัญหาในครั้งต่อๆ มา ผมว่ามันสะท้อนวิธีคิด วิธีทำงานของบุคลากรในโรงเรียนนั้นได้ในระดับหนึ่ง แม้อาจจะมาจากนโยบายของผู้ใหญ่ให้ระดับล่างปฎิบัติ หรือระดับปฎิบัติการสร้างสรรค์เองก็เถอะครับ โรงเรียนนี้ผมว่านาสนใจครับ ^ ^

เพื่อนผมบ

เพื่อนผมบอกเห็นคุณสุกรีมาสมัครด้วย เค้าว่า "ไม่นึกเลยว่าจะมีลูกแล้ว" :P

กลัวไม่ทันใช้

ผมกลัวไม่ได้อยู่ดูเหลน แต่ก็ไม่อยากแก่ วิธีแก้มีทางเดียวคือรีบมีเร็วๆ

privacy

เดากันเองดีกว่าครับ นี่เป็นการวิจารณ์ส่วนบุคคลออกมาจากสมองล้วนๆ ไม่มีอะไรมายืนยัน ของอย่างนี้ต้องลองเอง ผมก็ยังกลัวอยู่ โรงเรียนที่ผมชอบอาจไม่ใช่โรงเรียนที่ลูกชอบ

Post new comment