Thai

Blognone Tech Day 3 Video

Blognone Tech Day 3 ที่ผ่านมาไปสายโด่ง สองครั้งแรกผมช่วยถ่ายวีดีโอ งวดนี้ไม่ได้ถ่าย สาเหตุมีหลายประการ หนึ่งในหลายประการก็คือ ผมถ่ายไม่เป็น เรื่องศิลปะมันละเอียดอ่อนเกินไป งานนี้พอมีคนอาสา ผมรีบขอบคุณทันที เหลือไว้แค่หน้าที่ encode ซึ่งเป็นงานถนัด หลังจากที่รอกันมาพักใหญ่ ในที่สุดคุณ apirak ก็ตัดต่อสมบูรณ์ ผมเห็นแล้วละอายเหลือเกิน ไอ้ที่ผมทำนี่ไม่กล้าเรียกว่าตัดต่อ น่าจะแค่ตัดเป็นชิ้นมากกว่า ไฟล์ต้นฉบับใหญ่มาก DV ก็แบบนี้แหละ ไฟล์ที่ส่งถึงมือผมเป็นแค่ MPEG4 (MOV) ที่ละเอียดกว่าปกตินึดนึง รวมแล้ว 1 GB นิดๆ ผ่านการ encode ด้วยวิธีเดิมๆ ให้เล็กลงหน่อย กลายเป็น AVI เหลือประมาณ 597 MB ถ้าอยากพกเอาไปดูในมือถือก็มี 3GP ขนาด 141 MB ทั้งหมดมี 8 ไฟล์ครับ สำหรับคนที่ใจร้อนสามารถดูที่ Google Video ได้ ลิงค์ทั้งหมดดูที่บล็อกคุณ apirak

Blognone Tech Day 3

วันนี้มีงาน Blognone Tech Day 3 งานเริ่มตั้งแต่บ่าย ผมก็ตั้งใจไปตั้งแต่บ่าย แต่มีธุระต้องไปทำก่อน กว่าจะไปถึงก็เกือบสี่โมงเย็น อย่างน้อยก็ทันฟังอ.รวิทัตพูดเกี่ยวกับการศึกษา ฟังแล้วจี้ใจดำ เข้าถึงแก่นของปัญหา ผมว่าหลายคนรู้นะ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเราคือเบื้ยเล็กๆ ในระบบที่เรียกว่าประเทศไทย ระบบนี้มีคนไม่กี่คนเลือกเส้นทางชีวิตให้เราเริ่มตั้งแต่เกิด จนเกือบตาย มีไม่กี่คนที่หลุดออกไปนอกระบบได้ กลายเป็นผู้ที่สามารถเปลี่ยนกฎในช่วงสั้นๆ ของชีวิต เอ๊ะ ประเทศไทยคือ The Matrix นี่หว่า ว่าแต่ Red Pill อยู่ไหน

Education Technology in Primary School Part 4

เขียนเรื่องนี้มา 3 ตอน (ตอน 1 ตอน 2 และ ตอน 3) ล่าสุดมีเหตุการณ์ใหม่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เอง คราวนี้เราไปกันที่โรงเรียนในเครือคาทอลิกบ้าง การซื้อใบสมัครเป็นไปอย่างเรียบง่ายตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ที่น่าสังเกตคือ

  1. แยกใบสมัครหลักสูตรปกติกับภาษาอังกฤษ (English Program)
  2. มีการจดชื่อเด็กพร้อมเบอร์โทรของผู้ปกครองตั้งแต่ตอนซื้อใบสมัคร
  3. คุณครูโทรมาเช็คเบอร์ที่ให้ไว้หลังจากที่รับใบสมัครไม่ถึงชั่วโมง
  4. วันเวลาสอบมีเขียนระบุไว้ในใบสมัคร

วิธีขอจดชื่อนี่น่าสนใจ บางคนซื้อเอาไปขายต่อแบบจงใจ บางคนก็ซื้อเผื่อไว้กะโชคดีไปสองโรงเรียน พอดีมีอีกโรงเรียนใกล้ๆ กันก็ขายและสอบพร้อมๆ กัน ถ้าได้เวลาเยื้องกัน เช่น เช้า สาย บ่าย อาจจะโชคดีได้ไปทั้งคู่ แต่ถ้าเวลาชนก็ยังขายต่อได้ เอาทุนคืนนิดหน่อย 500 บาทก็ไม่น้อยนะ ได้ซัก 300 บาทก็กินข้าวได้หลายมื้อ

The Boolim Blog

จำได้ว่าตอนประถมติดหนังจีนงอมแงม ตั้งแต่ กระบี่ไร้เทียมทาน ชอลิ้วเฮียง มังกรหยก 3 ภาค หลังจากนั้นเลยเป็นต้นเหตุให้ต้องเสียเงินเสียทองไม่น้อยสำหรับการไล่ซื้อนิยายมาอ่าน นับจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ยังคงอ่านอยู่เรื่อยๆ มีเวลาก็มักกลับไปหยิบเรื่องเก่าๆ มาอ่าน อาจารย์ที่เคารพและรุ่นพี่ที่ทำงานก็คุยกันเรื่องกำลังภายในประจำ พักหลังกำลังภายในมันเริ่มถึงขั้นลึกซึ้งน่าติดตามมากขึ้นเรื่อย จินตนาการของผมเลยวิ่งกระฉูด ขับรถแทบตามองข้างหน้า แต่ในหัวมีแต่เรื่องกำลังภายใน กลัวว่าจะเสยท้ายคันหน้าเข้าซักวันเลยอยากหาที่ระบาย แต่ระบายแถวนี้คงไม่เหมาะ จะเอาไปใส่ในพวกเว็บบอร์ดก็รู้สึกแปลก ไม่ได้อยากถาม ไม่ได้อยากคุย แค่อยากระบาย จะไปชวนคนอื่นคุยก็จะเสียเวลางานมากเกินไป สุดท้ายเลยมาจบที่ The Boolim Blog

Eragon

Eragon เป็นหนังที่ผมสนใจมานานแล้ว อยากดู อยากอ่าน แต่พึ่งได้ดู พึ่งได้อ่าน ก่อนหน้านั้นได้อ่านคำวิจารณ์มาบ้างจาก rawitat's blog ซึ่งทำให้เห็นว่ามหากาพย์เรื่องนี้ "ใครๆ ก็ไม่รัก" แม้แต่ IMDb ยังได้เรตติ้งแค่ 4.9/10 แต่ไม่ว่าจะแย่แค่ไหน ผมก็ยังอยากดู เพราะเพลงจบเพราะมาก (Keep Holding On) จนในที่สุดก็หามาดูจนได้ ดูจบรีบวิ่งไปซื้อหนังสือมาอ่าน เนื่องจากในหนังกับที่อ่านจาก Wikipedia มันแทบไม่เหมือนกันเลย หายไปเยอะมากๆ

Programming Language and Martial Art

หลังจากคราวที่แล้วว่ากันเรื่อง ภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมกับอาวุธ คราวนี้เรามาว่ากันเรื่อง ภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมกับวิทยายุทธ์ ก็อย่างที่เคยบอก เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอันดับต้นๆ ของโลก ผมแค่นึกขึ้นมาได้ตอนขับรถกลับบ้านเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ ช่วงนี้คงจะอ่านนิยายกำลังภายในมากเกินไป มีทั้งจอมคนแผ่นดินเดือดและฟงอวิ๋น สนุกจนไม่ต้องหลับต้องนอน แต่นิยายสมัยนี้ไม่ค่อยมีกระบวนท่าโดดเด่น ผมเลือกมาเฉพาะที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักเท่านั้นพอ